Blog

บทความน่ารู้

การดูเเลสัตว์เลี้ยงในสภาวะอากาศที่มีมลพิษ ลดอันตรายที่มาพร้อมกับฝุ่น PM2.5


 

ในขณะที่ปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐานกำลังวิกฤตหนักอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ เเละอีกหลายจังหวัดในประเทศไทย  หลายคนหาวิธีป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 จนอาจเผลอลืมไปว่าฝุ่น PM2.5 นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงด้วย 
                                                                                               

โรคทางเดินหายใจ-อายุน้อยมาก-อายุเยอะมาก มีความเสี่ยงมาก

สัตว์เลี้ยงของใครก็ตามที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ มีอายุน้อยมาก ๆ หรืออยู่ในวัยที่มีอายุเยอะมาก ๆ แล้ว จัดอยู่ในประเภทที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่กำลังมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินกว่าค่ามาตรฐานในเวลานี้ 
นอกจากนั้นสัตว์เลี้ยงพันธุ์หน้าสั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคระบบทางเดินหายใจมากกว่าสัตว์พันธุ์อื่น เช่น สุนัขพันธุ์ปั๊ก บูลด๊อก ชิสุ บ็อกเซอร์ หรือแมวพันธุ์เปอร์เซีย เป็นต้น 
ยิปปี้ แฮปปี้  จึงมีวิธีป้องกันสัตว์เลี้ยงจากภัยฝุ่น PM2.5 ดูแลน้องหมา-น้องแมวให้ปลอดภัยในช่วงฝุ่นมาเเนะนำค่ะ 
 

งดกิจกรรมกลางแจ้ง 

หากสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ ควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน หลีกเลี่ยงการพาสัตว์เลี้ยงออกมาวิ่งเล่นหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยเฉพาะสัตว์พันธุ์หน้าสั้น เช่น สุนัขพันธุ์ ปั๊ก เเละบูลด็อก แมวพันธุ์เปอร์เซียและสก็อตติช โฟลด์ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคระบบทางเดินหายใจมากกว่าสัตว์อื่น ๆ หากจำเป็นต้องเดินทางออกนอกบ้าน ควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่ภายในรถ 
 

ดูแลบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ 

เมื่อนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ในบ้าน ควรหมั่นทำความสะอาดบ้านโดยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดสิ่งของ และถูพื้นเป็นประจำ นอกจากจะลดมลพิษในอากาศแล้ว ยังเป็นการกำจัดขนสัตว์เลี้ยงไปพร้อมกัน หากเป็นไปได้ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ หรือพัดลม ให้อากาศถ่ายเท และเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศโดยนำผ้าเปียกมาวางทิ้งไว้บริเวณที่นอนของสัตว์เลี้ยง 
 

หมั่นสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยง 

เจ้าของควรหมั่นสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงว่าผิดปกติหรือไม่อย่างเช่น มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ตาอักเสบ (เช่น ตาแดง ตาเหล่ ขยี้ตาบ่อย และขี้ตาเยอะผิดปกติ) มีน้ำมูก หรือเสมหะมากผิดปกติ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น ไอ จาม ถ้าหากสัตว์เลี้ยงมีอาการเหล่านี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ควรพาไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กและทำการรักษา แต่ถ้าหากสัตว์เลี้ยงมีอาการหายใจถี่ หายใจดัง กินอาหารน้อย อ่อนแรง ทรงตัวไม่ได้ เหงือกซีด และฟุบหมดสติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที 
นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เป็นโรคปอด โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต มีปัญหาทางด้านดวงตา มีสภาพร่างกายอ่อนแอ มีอายุน้อยกว่า 1 ปี หรือมีอายุ 6-7 ปีขึ้นไป ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าของ 
 

ทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกผ่อนคลาย 

ในช่วงที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานจนไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เจ้าของจำเป็นต้องใส่ใจดูแลสัตว์เลี้ยงมากเป็นพิเศษ รวมถึงต้องพยายามทำให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกดีขึ้น ดังนี้ 

  • ไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นข้างนอกนาน ๆ แต่สามารถพาไปเดินเล่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ได้หลังจากกลับมาแล้วนำผ้า หรือทิชชู่เปียกเช็ดบริเวณหน้า ตัว และเท้าของสัตว์เลี้ยงให้สะอาด 
  • ใช้น้ำตาเทียมหยอดที่ตาสัตว์เลี้ยงทุกวัน วันละ 2-3 หยด เพื่อรักษาและป้องกันอาการระคายเคืองตา พยายามทำเป็นประจำจนกว่าปัญหาฝุ่นละอองจะหมดไป 
  • ให้สัตว์เลี้ยงดื่มน้ำเย็น เพราะสามารถป้องกันโรคเยื่อเมือกแห้ง หรือขาดน้ำได้  ควรเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพื่อความสะอาด 
  • เมื่ออากาศดีขึ้นแล้ว ควรรีบพาสัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่นรับอากาศข้างนอก โดยค่าฝุ่นที่ปลอดภัยอยู่ที่ประมาณ 0-39 เท่านั้น เพราะถ้าหากระดับฝุ่นมากกว่านี้จะถือว่ายังเป็นอันตรายอยู่นั่นเอง 

ฝุ่น PM2.5 นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราแล้ว ยังส่งผลร้ายกับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงพันธุ์หน้าสั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ควรดูแลพวกเขาอย่างถูกวิธีด้วยนะคะ 

ข้อมูลอ้างอิงจาก :  pet.kapook.com  / เฟซบุ๊ก คลินิกรักษาสัตว์หมอเอิน