Blog

บทความน่ารู้

ทำไม ?...สัตว์เลี้ยงต้องผลัดขน


สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกับชายหมอ(หมา) ที่เว็บไซต์ของ Yippee Happy อีกเช่นเคย...
ในตอนนี้ชายหมอ(หมา) มีเรื่องน่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังเหมือนเช่นทุกครั้ง เรื่องที่จะเล่าในวันนี้ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้อ่านที่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อนไม่ว่าจะเป็นน้องหมา หรือน้องแมว ต้องเคยประสบพบเจอมาแน่นอนครับ ถือว่าเป็นปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งของการเลี้ยงสัตว์ก็ว่าได้ นั่นก็คือ การผลัดขนของสัตว์เลี้ยง

เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายท่านมักจะเป็นกังวลมากเมื่อเห็นว่าน้องหมา หรือน้องแมวมักจะขนร่วงติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันจนขนบางลงอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายทนไม่ไหวต้องอุ้มไปหาสัตวแพทย์ประจำตัว หลายครั้งจะได้รับคำตอบว่า น้องหมา น้องแมวไม่ได้เป็นโรคผิวหนังนะ แค่ผลัดขนตามปกติเท่านั้น...เจ้าของก็จะเข้าใจทันใด โอเคไม่ป่วยก็ดีแล้ว 

แต่ชายหมอเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านจะต้องยังมีบางอย่างติดค้างในใจแน่นอน เช่น การผลัดขนปกติ คืออะไร? ทำไมต้องผลัดขน? แล้วจะผลัดขนบ่อยแค่ไหน? ต้องดูแลอะไรเพิ่มเติมไหม? 

ชายหมอ(หมา) จะขอเป็นผู้ไขปัญหาเหล่านี้เองครับ ข้อมูลเกือบทั้งหมดจะเป็นการศึกษาในสุนัขเป็นหลักนะครับ ในแมวหรือสัตว์ชนิดอื่นยังมีข้อมูลค่อนข้างน้อย

ก่อนอื่นเรามารู้จักวัฏจักรการเจริญของเส้นขน (Hair Growth Cycle) กันก่อนครับ เส้นขนของสัตว์นั้นมีความคล้ายคลึงกับผมของคนเรา คือประกอบด้วยทั้งส่วนที่มีชีวิต คือ รากขน (Hair Root) และส่วนที่ไม่มีชีวิต คือ เส้นขน (Hair Shaft) โดยส่วนของเส้นขนนั้นจะเจริญมาจากการแบ่งตัว และพัฒนาของรากขนนั่นเอง โดยพบว่าเส้นขนเก่าจะมีการหลุดร่วงทุกวัน ในขณะเดียวกันก็มีการสร้างขนใหม่จากรากขนขึ้นมาแทนที่เป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป 
 

เราสามารถแบ่งระยะการเจริญของเส้นขนออกได้ เป็น  3 ระยะ ได้แก่ 

1. Anagen phase หรือเรียกว่า ระยะเจริญเติบโต ในระยะนี้ต่อมรากขนที่อยู่ในชั้นหนังแท้จะมีการแบ่งตัวจำนวนมาก และมีการพัฒนาของเซลล์แรกเริ่ม Dermal Papilla อย่างชัดเจน มีเลือดมาเลี้ยงมาก เซลล์ใน Dermal Papilla จะมีการสร้างสาร Ground Substance จากนั้นจะส่งไปยัง Matrix เพื่อสร้างเป็น Keratin ซึ่งมีความจำเป็นต่อกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นขน เส้นขนจะมีการเจริญเติบโตจนมีขนาดเส้นยาวตามลักษณะทางพันธุกรรม โดยในระยะนี้จะพบว่ารูขุมขนที่ผิวหนัง (Hair Follicle) จะมีขนาดใหญ่กว่าระยะอื่น ๆ 

2. Catagen phase หรือเรียกว่าระยะหยุดเจริญเติบโต เป็นระยะที่ต่อมาจาก Anagen phase (ระยะการเจริญเติบโต) ใช้ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ โดยเส้นขนจะเจริญช้าลงและค่อย ๆ หยุดการเจริญเติบโตในที่สุด พบว่า เซลล์ในDermal Papilla จะมีขนาดเล็กลงและมีรูปร่างกลมมากขึ้นรูขุมขนที่ผิวหนัง (Hair Follicle) จะหดสั้น และแยกตัวจากหลอดเลือดที่มาเลี้ยง เพื่อเคลื่อนตัวขึ้นมาสู่ชั้นผิวหนังด้านบน 

3. Telogen phase หรือเรียกว่าระยะพัก เป็นระยะที่ต่อมาจาก Catagen phase ในระยะนี้ เส้นขนจะอยู่ในระยะที่เซลล์ไม่มีชีวิตแล้ว มีการเคลื่อนที่มาอยู่ใกล้กับพื้นผิวของผิวหนังเพื่อรอการหลุดร่วง และในขณะเดียวกันก็จะมีผมเส้นใหม่ ในระยะ Anagen phase เจริญขึ้นมาแทนที่ วนเวียนกันเป็นวัฎจักรเช่นนี้ตลอดเวลา

 



รูปแสดง วัฏจักรการเจริญของเส้นขน (hair growth cycle)
 

วัฏจักรการเจริญของเส้นขนในสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขนั้นมีความแตกต่างจากของมนุษย์ โดยในมนุษย์พบว่าระยะ Anagen phase จะกินระยะเวลายาวนานที่สุดประมาณ 3-7 ปี ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับสุนัขบางสายพันธุ์ที่ต้องการการตัดขนเป็นประจำ เช่น สายพันธุ์ Poodle ในขณะที่สุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ ระยะ Anagen phase จะใช้ระยะเวลาไม่นาน แต่ก็เพียงพอให้เส้นขนเจริญจนได้ความยาวตามลักษณะทางพันธุกรรม เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1 เดือน ไปจนถึง 1 ปีหรือมากกว่า และระยะ Telogen phase จะมีความโดดเด่นขึ้นมาแทน ใช้ระยะเวลายาวนานขึ้น ในสายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดที่เขตหนาว อาจพบระยะ Telogen phase กินเวลาหลายปีเลยทีเดียว แม้ว่าเส้นขนของสุนัขจะอยู่ในระยะพัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกเส้นพร้อมจะร่วงทันที ต้องมีการเจริญของเส้นขนใหม่มาแทนที่เสียก่อน เส้นขนเก่าจึงจะหลุดร่วงออกมานั่นเอง 

เราได้รู้จักกับวัฏจักรการเจริญของเส้นขนกันไปแล้วนะครับ และเราก็ได้รู้ว่าเส้นขนของสุนัขนั้นมีการหลุดร่วงออกมาทุกวัน ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรการเจริญเติบโตของเส้นขน ปริมาณการร่วงก็ขึ้นอยู่กับลักษณะทางพันธุกรรมของขนแต่ละสายพันธุ์นะครับ แต่มีข้อสังเกตคือ การหลุดร่วงของขนแบบนี้ จะไม่ร่วงมากจนทำให้สุนัขดูขนบางลงอย่างผิดสังเกต เพราะการที่ขนเก่าจะร่วงนั้น ต้องมีขนใหม่เจริญมาทดแทนทันทีนั่นเอง

 
ทีนี้เรามาดูกันว่าการผลัดขนมีความแตกต่างจากการร่วงตามวัฏจักรอย่างไร 

การผลัดขน (seasonal shedding) เป็นกระบวนการที่ควบคุมโดยพันธุกรรม ร่วมกับมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมมาส่งเสริมให้การควบคุมโดยพันธุกรรมนั้นแสดงออกได้อย่างเด่นชัด ซึ่งปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ก็คือ ช่วงแสงระหว่างวัน (photoperiod) และ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิตามฤดูกาล (seasonal changes of temperature) โดยทั้งสองปัจจัยนี้จะมีผลกระทบต่อวัฏจักรการเจริญของเส้นขนปกติ ทำให้มีการหลุดร่วงของเส้นขนมากขึ้นนั่นเอง 

การผลัดขนนั้นจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ โดยอาจกินเวลาประมาณ 2-5 สัปดาห์ จากนั้นก็จะมีขนใหม่เจริญขึ้นมาแทนที่จนปกคลุมทั่วร่างกายใช้เวลาประมาณ 14-18 สัปดาห์ มีผลการศึกษาที่น่าสนใจกล่าวว่า สุนัขพันธุ์ขนสั้นจะมีการผลัดขนตลอดทั้งปี ไม่มีช่วงเวลาที่ผลัดแบบเด่นชั้น ตรงข้ามกับสุนัขพันธุ์ขนยาว จะผลัดขนอย่างชัดเจนที่ปีละ 1-2 ครั้ง โดยสุนัขที่เลี้ยงโดยปล่อยให้ขนมีความยาวตามลักษณะทางพันธุกรรมนั้นมักจะผลัดขนในฤดูใบไม่ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ในจณะที่สุนัขที่เจ้าของมีการตัดแต่งขนเป็นประจำ มักจะมีการผลัดขนเฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลการศึกษาดังกล่าวนี้ทำให้เราทราบว่าสัตว์ไม่ได้ผลัดขนแต่เฉพาะเวลาที่ใกล้จะเข้าฤดูร้อนเท่านั้น แต่มีการผลัดขนที่เป็นรูปแบบตามฤดูกาลที่แน่นอนนั่นเอง

ในตอนนี้ ชายหมอ(หมา) ก็คงต้องขอจบเรื่องเล่าลงแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าคุณเจ้าของสัตว์ทุกท่านจะมีความเข้าใจในธรรมชาติของการผลัดขน ตลอดจนวัฏจักรการเจริญเติบโตของขนเพิ่มมากขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ และอย่าลืมติดตามตอนหน้าว่าชายหมอ(หมา) จะนำเรื่องอะไรมาเล่าสู่กันฟังอีกครับ

บทความโดย
อ. น.สพ. ดร.เศรษฐกิตย์ จิตเสนาะ
DVM, Ph.D.(Pathobiology)
ข้อมูลอ้างอิง
1. Evans HE and Lahunta AD. (2013). Miller’s anatomy of the dog 4th Ed. St. Louis, MO: Elsevier Saunders.
2. Miller WH, Griffin CE and Campbell KL. (2013). Muller and Kirk’s Small Animal Dermatology 7th Ed. St. Louis, MO: Elsevier Saunders
3. Mcgavin MD and Zachary JF. (2007). Pathologic basis of veterinary diseases 4th Ed. St. Louis,  MO: Mosby Elsevier